ในวาระที่ปีนี้เป็นวาระครบรอบ ๑๐๐ ปีชาตกาลของครูมาลัย ชูพินิจ จึงอยากจะนำผลงานของท่านที่ได้อ่านในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเล่าให้ฟัง ขณะเดียวกันก็อยากชวนให้ลองไปอ่านผลงานชั้นครูของท่านเรื่องหนึ่ง คือ ชั่วฟ้าดินสลาย ซึ่งใช้นามปากกาในขณะเขียนว่า เรียมเอง เรื่องนี้นับเป็นนิยายขนาดสั้นมีความยาวเพียง ๗๔ หน้า มีตัวละครหลักๆ แค่ ๔ ตัว แต่เรื่องกลับมีความเข้มข้นชวนติดตามจนยากที่จะวางหนังสือลงได้ นิยายเรื่องนี้นำเสนอความรักสาวเส้าระหว่างพะโป้ คหบดีผู้ร่ำรวยวัยห้าสิบปลายๆ ส่างหม่อง หลานชายวัย ๒๓ ปี และยุพดี ภรรยาสาวคราวลูกอายุเพิ่งจะ ๒๐ ซึ่งมีทิพย์ผู้จัดการป่าไม้เป็นผู้เล่าและถ่ายทอดเรื่องเหล่านี้ออกมา
ความเด่นของเรื่องนี้อยู่ที่นางเอก คือ ยุพดี สาวที่ฉลาดเกินอายุ ชอบอ่านหนังสือ เธอจึงเป็นคนล้ำสมัย และมีอุดมคติความรักที่ต่างไปจากคนในยุคเดียวกัน เพราะเธอต้องการ “ใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระเสรี โดยปราศจากข้อผูกพันจากขนบประเพณีและสังคม เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นเครื่องกีดกั้นขวางความเป็นไทของมนุษย์” จึงไม่แปลกที่เธอจะลุกขึ้นมาเป็นขบถและท้าทายต่อกรอบประเพณีต่างๆ ของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรัดรึงให้ผู้หญิงต้องตกอยู่ในกรอบของสังคมชายเป็นใหญ่ ดังนั้น เมื่ออุดมคติของเธอเป็นเช่นนี้ เธอจึงกล้าที่จะเลือกดำเนินชีวิตของเธอไปจนสุดทางที่เธอเลือก แม้ว่าการกระทำนั้นจะขัดกับหลักศีลธรรมที่คนในสังคมส่วนใหญ่ยึดถือก็ตาม แม้ว่าเธอจะต้องทรยศต่อความรักที่พะโป้มอบให้เธอในฐานะภรรยา และหันไปเป็นชู้กับส่างหม่องหลานชายของพะโป้ที่มีวัยใกล้เคียงกับเธอแทน และเมื่อถูกจับได้ เธอก็ยังกล้าเผชิญหน้ากับความจริงและยอมรับในสั่งที่เธอทำอย่างกล้าหาญ ซึ่งท้ายที่สุดเธอก็เลือกจบชีวิตด้วยมือของตน เนื่องจากเห็นว่าตายเป็นหนทางที่จะได้เดินทางไปสู่ชีวิตใหม่ที่เธอปรารถนา
ความน่าสนใจของเรื่องอีกประการคือ ผู้เขียนเปิดโอกาสให้ผู้อ่านเป็นผู้พิพากษาความผิดของตัวละครเหล่านี้เองว่าจะเลือกตัดสินให้ใครเป็นผู้ผิด เพราะแม้ว่าพะโป้ดูจะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด เพราะถูกทรยศจากทั้งภรรยาและหลานชายสุดที่รัก แต่การลงโทษที่เขากระทำก็ดูจะโหดร้ายและเลือดเย็นเป็นที่สุด ยุพดีที่แม้ว่าจะผิดเพราะเธอเลือกที่จะเป็นชู้กับส่างหม่อง แต่นั่นก็เป็นว่าเธอทำตามใจตนเอง โดยไม่ทรยศต่อความปรารถนาของตน แม้ว่าสิ่งนั้นจะขัดกับขนบประเพณีหรือวคามเชื่อของสังคมก็ตาม เช่นเดียวกับส่าวหม่องที่ดูว่าน่าสงสารในตอนแรกที่อ่อนด้อยประสบการณ์ในเรื่องความรัก จึงหลงผิดได้ง่าย แต่ในตอนหลังเมื่อเขาเผยความเกรี้ยวกราด ขี้โมโห และความเห็นแก่ตัวออกมา โดยโทษว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของยุพดีแต่เพียงผู้เดียว ความเห็นใจที่ผู้อ่านเคยมีให้เขาก็ลดลง และกลับไปเพิ่มความน่าสงสารให้ยุพดีแทน เพราะเธอต้องกลายเป็นผู้แบกรับความผิดบาปของเรื่องทั้งหมดเพียงลำพัง
นอกจากนี้ คำว่า “ชั่วฟ้าดินสลาย” บังนับเป็นคำสำคัญในเรื่องที่ชวนให้ผู้อ่านตีความคำนี้ได้ในหลายนัย นับตั้งแต่เป็นเครื่องแสดงเห็นถึงความรักที่ยุพดีและส่างหม่องมีต่อกัน เพราะตลอดเวลาที่เขาและเธอลักลอบพบกันลับหลังพะโป้ คนทั้งสองก็จะพร่ำบอกว่าจะอยากจะอยู่ด้วยกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย ขณะเดียวกัน พะโป้ก็ใช้คำว่า “ชั่วฟ้าดินสลาย” นี้มาเป็นข้อกำหนดในการลงโทษสำหรับการทรยศหักหลังของคนทั้งคู่ เพราะเขาลั่นกุญแจคนทั้งคู่ให้อยู่ติดกันและเพื่อจะไม่ต้องแยกจากกันตราบชั่วฟ้าดินสลายเช่นกัน แม้ว่าเมื่อยุพดีตายแล้ว เขาก็ยังไม่ไขกุญแจเพื่อนำศพเธอไป แต่ยังให้ส่างหม่อนต้องผูกติดอยู่กับศพของเธออย่างนั้น ในความหมายที่กว้างออกจากตัวเรื่องไป คือคำๆ นี้ก็ชวนให้ตั้งคำถามถึงขนบประเพณีและที่ยังคงครอบสังคมไทยอยู่นั้น ว่าสิ่งนี้อาจะเป็นกำแพงที่ยากจะมีผู้ท้าทายคนใดที่จะสามารถก้าวผ่านข้ามไปได้ใช่หรือไม่ และสิ่งนี้จะเป็นกรอบครอบความเป็นไทไปตลอดตราบ “ชั่วฟ้าดินสลาย” หรือเปล่า ก็เป็นคำถามที่น่าคิดเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น การเขียนด้วยประโยคเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความงดงามคงมีอยู่อย่างพร้อมมูลในเรื่อง ทั้งในด้านของกรบรรยายฉาก โดยเฉพาะภาพของป่าไม้และความงามของธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ยังแฝงคำพูดคมๆ ไว้เป็นระยะๆ เพื่อทิ้งให้ติดค้างในความทรงจำของคนอ่าน นอกจากนี้ ศิลปะการแต่งที่มีทั้งเร่งจังหวะเพื่อสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับเรื่อง ขณะเดียวกันก็มีการดึงจังหวะในบางตอน เพื่อกระตุ้นเร้าให้ผู้อ่านกระวนกระวายอยากทราบเรื่องราวตอนต่อไปว่าว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด อีกทั้งยังมีการหลอกล่อให้ผู้อ่านคาดเดาเรื่องไปล่วงหน้า ก่อนที่จะเฉลยต่อมาว่าผู้อ่านเดินหลงทางไป และจากนั้นก็ต้องกลับมาอ่านตามแนวทางที่ผู้เขียนปรารถนาต่อไป
นิยายเรื่องนี้แม้ว่าจะเขียนมานานกว่าครึ่งศตวรรษแต่ก็ยังมีเสน่ห์ชวนให้อ่านและขบคิดได้อยู่ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นตัวอย่างงานเขียนที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะเป็นนักเขียนต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการศึกษาศิลปะการประพันธ์ในแง่มุมต่างๆ เพราะมีความแพราวพราวและชั้นเชิงการเขียนในระดับครูอย่างแท้จริง
---------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น